Loading...

YPIN Factsheet no.8 ข้อมูลงานวิจัยในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกความโดดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”

 

 

          ตามยุทธศาสตร์ปีแห่งการตีพิมพ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงปีที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการผลิตผลงานวิจัยเพื่อตีพิมพ์ตลอดจนการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้มีความรอบด้านและตอบสนองสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงมีการนำเอามี SciVal เข้ามาใช้ ซึ่งสามารถช่วยให้เกิดการทบทวนและวิเคราะห์สถานการณ์การตีพิมพ์ผลงานวิจัยในฐานข้อมูลสากาลของทั้งมหาวิทยาลัยได้อย่างรอบด้านมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการมองแบบ 360 องศา เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับคณะและหน่วยงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ที่ปัจจุบันหันมาให้ความสนใจในด้านการวิจัยและพัฒนามากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นโปรแกรมนี้ยังช่วยในเรื่องการประเมินและเทียบเคียงศักยภาพทางด้านการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยทั้งภายในตัวมหาวิทยาลัยเองและกับหน่วยงานภายนอกที่มีการผลิตผลงานในลักษณะใกล้เคียงกัน ช่วยให้เราสามารถทราบจุดอ่อน และจุดแข็งในการพัฒนาทางด้านการวิจัย และทำให้การจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้เมื่อลงไปในเชิงรายละเอียดเราเห็นความโดดเด่นของหลากหลายแขนงวิชาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่สามารถทำงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ธรรมศาสตร์โดดเด่นอย่างไรในกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

          อย่างที่ได้เรียนไปก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณลักษณะสำคัญของโปรแกรม SciVal คือการวิเคราะห์ข้อมูลการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในฐานข้อมูลสากลแบบรอบด้านทำให้เราเห็นคุณลักษณะและศักยภาพแต่ละด้านของกลุ่มวิชาต่าง ๆ ทั้งนี้จากการใช้โปรแกรมดังกล่าวเข้าไปศึกษาในกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่าในช่วงตลอดการประมวลการตีพิมพ์ผลงานในกลุ่มสาขานี้มีบทความวิจัยและบทความวิชาการตีพิมพ์ในฐานข้อมูลสากลทั้งสิ้น 444 ชิ้น และเป็นที่น่าสนใจว่าว่าในจำนวนนี้มีการอ้างอิงบทความดังกล่าวสูงถึง 2189 ครั้ง กล่าวคือค่าเฉลี่ยการอ้างอิงต่อหนึ่งบทความวิจัยมีค่าถึง 4.9

          เมื่อมาดูกลุ่มสาขาวิชาย่อยในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในฐานข้อมูลสากลพบว่ากลุ่มสาขาวิชาที่มีการตีพิมพ์ผลงานมากที่สุดคือกลุ่มวิทยาศาสตร์วัสดุคิดเป็นร้อยละ 13.3 รองลงมาคือสาขาวิชาเคมีมีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยคิดเป็นร้อยละ 12 ตามมาด้วยกลุ่มวิชาวิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์ ร้อยละ 9.6 และ 9.4 ตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นจุดแข็งสำคัญของการผลิตงานวิจัยในกลุ่มสาขาวิชาย่อยต่าง ๆที่มีผลิตภาพในการผลิตงานวิจัยที่มีคุณูปการสำคัญต่อภาพรวมการทำวิจัยของทั้งมหาวิทยาลัย

          นอกจากโปรแกรมนี้จะประมวลข้อมูลการตีพิมพ์ผลงานวิจัยแยกตามสาขาวิชาได้แล้วยังสะท้อนให้เราเห็นด้วยว่าในจำนวนบทความวิจัย 444 ชิ้นนี้มาจากนักวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งสิน 113 คน อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าคณาจารย์และนักวิจัยแต่ละท่านจะผลิตผลงานเฉลี่ยคนละ 4 ชิ้น แต่ในความเป็นจริงคณาจารย์และนักวิจัยหลาย ๆท่านสามารถผลิตผลงานตีพิมพ์ได้มากถึง 7-8 ชิ้นต่อคนด้วยกัน นอกจากนี้ข้อมูลยังสะท้อนว่าผลผลิตงานวิจัยของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นการผลิตผลงานเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่ได้รับการยอมรับในฐานข้อมูลสากลไม่กว่าจะเป็นกลุ่มใด ก็มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

SciVal ช่วยให้เห็นจุดแข็งสำคัญของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

          เมื่อลองประมวลข้อมูลในเชิงรายละเอียดมากยิ่งขึ้นพบว่างานวิจัยที่มีการตีพิมพ์ในกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่นั้นเป็นงานวิจัยที่กัยเป็นทีมซึ่งถือเป็นความโดดเด่นอย่างมากในกลุ่มงานสาขาวิชานี้ ข้อมูลสะท้อนว่ากว่าร้อยละ 91.9 ของงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในฐานข้อมูลสากลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นการร่วมงานกันในหลากหลายรูปแบบ โดยเป็นการวิจัยร่วมกันในระดับนานาชาติร้อยละ 29.8 เป็นการวิจัยร่วมกันระหว่างสถาบันภายในประเทศร้อยละ 34.1 และสุดท้ายเป็นการวิจัยร่วมกันภายในสถาบันเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.0 ทั้งนี้มีเพียงร้อยละ 8.1 เท่านั้นของงานวิจัยในกลุ่มสาขาวิชานี้ที่เป็นงานวิจัยที่มีนักวิจัยทำงานเพียงคนเดียว

          และเมื่อไปพิจารณาส่วนของงานวิจัยที่มีการทำงานร่วมกันในหลากหลายรูปแบบพบว่าสัดส่วนงานวิจัยที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นนอกประเทศนั้นมีสัดส่วนการอ้างอิงสูงถึงร้อยละ 41 ของการอ้างอิงทั้งหมดซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับโลกด้วย นี่สะท้อนให้เห็นศักยภาพของงานวิจัยที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เข้าไปมีบทบาทในการผลักดัน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในส่วนสถาบันที่คณาจารย์และนักวิจัยของกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าไปทำงานด้วยมากที่สุดและผลงานได้รับการอ้างอิงมากที่สุดนั้นพบว่าส่วนใหญ่คือการทำงานร่วมกันกับมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยฮิโรซากิ และมหาวิทยาลัยนาคาซากิ