Loading...

Work from Home แบบไหนถึงเรียกว่าพอดี? สร้างความสุขเล็ก ๆ ได้ในแต่ละวัน

Work from Home หลายคนอาจเครียดได้เป็นธรรมดา และอาจจะกลายเป็นภาวะ Burnout ได้ด้วย แต่ความเครียดนี้จะจัดการอย่างไรดี เพื่อให้เรามีความสุขได้ในทุกวัน

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ.2564

     Work from Home อาจเปลี่ยนชีวิตใครหลายคน จากเคยทำงานที่ออฟฟิศประจำ กลับต้องมาทำงานที่บ้าน บ้านที่เป็นสถานที่ผ่อนคลายของเรา เพราะด้วยสถานการณ์แล้ว Work from Home ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบเดียวที่จะช่วยเซฟเราได้มากที่สุดในตอนนี้

     แน่นอนว่า Work from Home กันนาน ๆ ยาว ๆ หลายคนก็เครียดเป็นเรื่องธรรมดา และอาจจะกลายเป็นภาวะ Burnout ได้ แต่ความเครียดนี้จะจัดการอย่างไรดี เพื่อให้เรามีความสุขได้ในทุกวัน

     อาจารย์บุรชัย อัศวทวีบุญ สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้คำแนะนำว่า ให้เราพยายามทำทุกอย่างให้ปกติ ภายใต้ขอบเขตและสถานที่ที่จำกัด เข้าใจก่อนว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ และต้องทำสิ่งนั้นเพราะอะไร เหมือนกับการปรับตัวเรื่องใส่หน้ากาก พกเจลล้างมือ เราก็ต้องเข้าใจว่าโรคระบาดเกิดขึ้น เราต้องดูแลตนเองก่อน การ Work from Home ก็เช่นเดียวกัน ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์และข้อจำกัดของเราก่อน ทำความเข้าใจกับคนรอบตัว กับครอบครัว ว่าเวลานี้ต้องเรียน ต้องทำงาน แบ่งการใช้พื้นที่ให้เป็นสัดส่วน สร้างข้อตกลงร่วมกัน รวมถึงสื่อสารข้อจำกัดของเราให้ที่ทำงานทราบเพื่อให้หาทางออกร่วมกัน เพราะเงื่อนไขของแต่ละคน แต่ละครอบครัวแตกต่างกัน บางคนต้องดูแลลูกที่เรียนออนไลน์ ต้องดูแลพ่อแม่ที่อยู่บ้าน ความพยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน จะช่วยให้สามารถหาทางออกได้ดีขึ้น

     หลังจากนั้นก็สร้างบรรยากาศในการทำงานตามกรอบเวลาที่กำหนด บางคนตื่นมาแต่งชุดทำงาน เพราะถ้าไม่ใส่ชุดทำงาน เขาจะรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงาน สิ่งนี้เป็นความสบายใจ เป็นไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล แต่ต้องอย่าลืมว่าเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ต้องหยุดเพื่อให้เรามีชีวิตส่วนตัวด้วย อย่าให้การทำงานมาทำสมดุลของการใช้ชีวิตเสียไป การแบ่งเวลาและการสื่อสารกันที่ดีจะทำให้มีความสุขมากขึ้นในการทำงาน

     การ Work from Home อาจพิจารณาว่าเป็นเรื่องของการสูญเสียอีกรูปแบบ คือการสูญเสียพื้นที่ที่เราเคยมี นั่นก็คือ ที่ทำงาน ทำให้เราพยายามต่อรองหลาย ๆ อย่างว่าสิ่งนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น อาจเกิดความรู้สึกโกรธ และพยายามปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น จนในบางครั้งทำให้เกิดความรู้สึกเศร้า แต่ในที่สุดเราจะต้องก้าวข้ามและปรับตัวด้วยการยอมรับ หากมีความคิดไหนที่ไม่ดี ให้รู้ไว้ว่าความคิดมันถูกกระตุ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเราไม่ไปกระตุ้นต่อ ความคิดนั้นก็จะเบาลงไป

     สำหรับใครที่รู้สึกว่าทำงานไม่ได้ ให้เราพยายามวางแผนการทำงานสำหรับวันพรุ่งนี้ก่อนเข้านอนในแต่ละวัน พยายามวางแผนให้ละเอียดว่าต้องทำอะไร เวลาเขียนแผน “อย่าสนใจ Product ให้สนใจ Process” คือเขียนขั้นตอนในการทำงานแต่ละอย่าง ไม่ใช่เขียนไปว่าทำโครงการอะไร บางโครงการมันทำนาน แค่คิดจะทำก็เหนื่อยแล้ว แต่ถ้าเราเน้นขั้นตอนมันก็จะดูเบาลง พอเริ่มต้นได้ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นทำงานนี่แหละ และอย่าลืมวางแผนสำหรับเวลาพักด้วย พอเขียนเสร็จก่อนนอน ถ้าวงแผนดี พอเราตื่นมา เราจะได้ไม่ต้องคิดว่าวันนี้เราจะต้องทำอะไรบ้างก่อนหลัง สามารถเริ่มทำตามแผนได้เลย พยายามทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ทำตามอารมณ์ เพราะอารมณ์มันถูกกระตุ้นได้ง่าย แต่ควบคุมได้ยาก

     “ถ้าเรามีเงื่อนไขในชีวิตเยอะ เช่น เราต้องทำสิ่งนี้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรเลย รวมถึงเงื่อนไขในการมีความสุขก็เช่นเดียวกัน ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ถ้าเราบอกว่าเราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเรามีสิ่งนี้ เราจะหาความสุขได้ยาก พยายามทำเงื่อนไขในการมีความสุขให้น้อยลง เราจะได้ใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นในแต่ละวัน” - อาจารย์บุรชัย อัศวทวีบุญ สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2564