Loading...

เมื่ออยากเล่นหุ้น ต้องเริ่มจากอะไร? พื้นฐานสำคัญเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ ใช้ได้ทุกสถานการณ์

ผศ.ดร.วศิน ศิวสฤษดิ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่สนใจเริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้น

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2564

     โดยเปรียบเทียบแล้วการลงทุนในหุ้น จะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ดีกว่าการลงทุนในแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะในกรณีที่เราถือหุ้นตัวนั้น ๆ ในระยะเวลายาว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะของการเลือกหุ้นด้วยเช่นกัน หากเราเลือกผิดพลาด ไปเลือกลงทุนในช่วงขาลงของหุ้นนั้น ๆ ผลตอบแทนในปีดังกล่าวอาจไม่ดี เทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์แบบอื่น ๆ

     ผศ.ดร.วศิน ศิวสฤษดิ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่สนใจเริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้น ว่า การลงทุนในหุ้นซึ่งจัดเป็นตราสารทางการเงินประเภทหนึ่ง ซึ่งมีการ Trade-off ระหว่าง "ความเสี่ยง" กับ "ผลตอบแทน"  ทั้งนี้ 1.) เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะลงทุนในตราสารประเภทนี้ และพร้อมจะเสี่ยง ให้เราเริ่มศึกษาเรียนรู้โครงสร้างของตลาดหุ้นและลักษณะหุ้นเสียก่อน  โดยหลักการง่ายสุดอาจเริ่มจากการศึกษาพฤติกรรมของราคาหุ้น โดยอิงกับเหตุการณ์ต่าง ๆที่สำคัญในอดีต ที่มีผลกระทบต่อการขึ้นลงของราคาในตลาดค่อนข้างเยอะ เช่นช่วงระยะเวลาการเกิด Covid-19 รอบที่หนึ่ง หรือช่วงเหตุการณ์ Global financial crisis  เป็นต้น การศึกษาพฤติกรรมของราคาหุ้นย้อนหลังในช่วง 10-20 ปี ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของตลาดหุ้นได้ดีขึ้น

     2.) ทำความเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบต่อความผันผวนของราคาหุ้น ซึ่งปกติเราสามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ปัจจัยที่ 1 ที่มีผลกระทบเฉพาะในราคาหุ้น หรือ เรียกว่า ความเสี่ยงเฉพาะตัว (Idiosyncratic Risk) ปัจจัยที่ 2 เป็นปัจจัยที่หุ้น ทั้งหมด หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือที่เรียกว่า “ความเสี่ยงที่เป็นระบบ” หรือที่เรียกว่า Systematic Risk อาทิเช่น ความเสี่ยงที่เป็นปัจจัยทางด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของไทย หรือ เหตุการณ์จากประเทศภายนอกประเทศ เช่น สงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น

     นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้น 3.) อาจต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาดหุ้นที่สำคัญ ๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. กลุ่มนักลงทุนทั่วไป (Local Individuals) 2. กลุ่มสถาบันในประเทศ (Local Institutions) 3. กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (Proprietary Trading) และ 4. กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ  (Foreign Investors) โดยอาจต้องดูพฤติกรรมผู้เล่นแต่ละกลุ่มว่ามีจังหวะการซื้อ-ขายในแต่ละช่วงอย่างไร และพฤติกรรมของผู้เล่นแต่ละกลุ่ม ส่งผลอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น

     เมื่อเราเริ่มรู้ภาพกว้าง ๆ ของตลาดหุ้นและความเสี่ยงแล้ว 4.) เราควรรู้ว่าเราอยากจะลงทุนในหุ้นของบริษัทใด และทำการประเมินมูลค่าของบริษัทที่ต้องการเข้าไปซื้อหุ้นประกอบกัน โดยปกติในการลงทุนในตลาดหุ้น เรามักจะมุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุน จาก 2 สิ่ง คือ 1. กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น (Capital Gain) และ 2.  หากถือไว้ระยะยาว สิ่งที่เราคาดหวังคือ เงินปันผล (Dividend) โดย “เราอยากเข้าไปลงทุน หรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่เราสนใจ”

     ทำไมถึงอยากให้นักลงทุนหน้าใหม่ วิเคราะห์บริษัท ประกอบกับดูแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงสถานการ์ต่าง ๆ ทั่วโลก ก่อนเข้าไปซื้อ? เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อศักยภาพของบริษัทในการบริหารงานและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตด้วย เช่น ในกรณีประเทศ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีแผนลดการใช้รถยนต์ ประเภทเครื่องยนต์สันดาปในอนาคต การพิจารณาเลือกลงทุนหุ้นบริษัทที่เกี่ยวกับนวัตกรรมยานยนต์ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เพรามีศักยภาพการเติบโตตามความต้องการของตลาดในอนาคตที่ดี ดังนั้นโอกาสที่เราเลือกเข้าไปลงทุน ก็อาจจะทำให้เรามีโอกาสได้เงินปันผลที่สูงขึ้นในอนาคตจากการเติบโตของบริษัท

     ทริคสำคัญ! จุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักลงทุนมือใหม่ หากไม่รู้ว่าจะเลือกหุ้นอะไรดี เราอาจจะเริ่มพิจารณาโดยเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้น ที่ถูกนำมาจัดทำดัชนี เช่น SET 50 SET 100 เพราะหุ้นเหล่านี้ถูกคัดสรรมาแล้วว่าเป็นกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก และ 100 อันดับแรก ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดในเบื้องต้น ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นพื้นฐานดี มีสภาพคล่องสูง

     สรุป “พอเราตัดสินใจได้แล้ว เราต้องรู้พื้นฐานก่อน รู้โครงสร้างผู้เล่น ต้องรู้ว่าตลาดทำหน้าที่อะไร ความผันผวนของตลาดมาจากที่ไหนบ้าง และถามตัวเองว่า เราจะเข้ามาเป็นนักลงทุนระยะสั้น ซื้อขาย เก็งกำไร หรือจะเป็นนักลงทุนระยะยาว รอรับเงินปันผล เมื่อเรารู้แล้วว่าเราต้องการเป็นนักลงทุนแบบไหน ให้เราเลือกหุ้น โดยเริ่มจากกว่าวิเคราะห์หุ้น รู้เรื่องของงบการเงิน เพราะเราจะได้ดูพวกลักษณะโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท วิเคราะห์ทางเทคนิค ดูเทรนด์ แนวโน้มการซื้อขายของผู้เล่นในตลาด จะได้รู้จังหวะในการที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้นตัวดังกล่าว” ผศ.ดร.วศิน กล่าวทิ้งท้าย

     สำหรับนักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ในการช่วยให้เราเป็นนักลงทุนที่ดี ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มีวิชาให้เลือกเรียนหลากหลายวิชา อาทิเช่น วิชาที่จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์บริษัทได้ดีมากขึ้น เรียนรู้และเข้าใจการดำเนินงานของบริษัท เช่น วิชาการเงินธุรกิจ (FN201) ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หรือหากต้องการทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจ โครงสร้างตลาดต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ อาจเลือกลงเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (EC210) ของคณะเศรษฐศาสตร์ วิชา EC213 เศรษฐศาสตร์จุลภาคเบื้องต้น (EC213) และวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น (EC214) ทั้งนี้ การเข้าใจทั้งการเงินและเศรษฐศาสตร์ จะทำให้เราสามารถเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพในตลาดหุ้นได้