Loading...

เลือก “ครีมกันแดด” แบบไหนตอบโจทย์มากที่สุด

แสงแดดเปรี้ยงและอุณหภูมิที่ร้อนระอุดูเหมือนจะท้าทายผิวของเรามาก ผลิตภัณฑ์กันแดดก็ยิ่งมีความจำเป็นสำหรับทุกคนมากกว่าเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ.2562

  

          หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนมาได้ไม่นาน แสงแดดเปรี้ยงและอุณหภูมิที่ร้อนระอุก็ดูจะท้าทายผิวของเรามาก แล้วยิ่งเราต้องเดินทางเพื่อไปทำงาน ไปเรียน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งด้วยแล้ว ผลิตภัณฑ์กันแดดก็ยิ่งมีความจำเป็น เพราะในแสงแดดมีรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรือ UV ซึ่งเป็นตัวการร้ายก่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

          โดย พญ.ปรารถนา สิทธิวัฒนาวงศ์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าว่า ปัจจุบันครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะช่วยป้องกันผิวไหม้แดด และป้องกันมะเร็งผิวหนัง ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นที่เกิดก่อนวัยได้ หากเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน การทาครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยบริเวณผิวที่อยู่นอกเสื้อผ้า เราควรทาทั้งหมดเลยตั้งแต่หน้า คอ แขน หรือหลังมือ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเวลาผู้สูงอายุมีกระ ฝ้า มักจะเป็นบริเวณหลังมือ หลังแขน หรือบริเวณที่โดนแดด แต่ถ้าเราทาไว้ก็เป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง ส่วนคนที่อยู่ในบ้านอย่างเดียว ไม่ได้ไปไหนเลย ความจำเป็นในการใช้ครีมกันแดดก็ลดลง แต่ก็ควรทาด้วยเช่นกัน

ควรเลือกครีมกันแดดแบบไหนดี

          ถ้าต้องออกไปกลางแดด หรือว่าออกไปข้างนอก ควรต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงสุดที่ 50 มีการป้องกัน UVA ได้ดี คือมีค่า PA 3+ หรือ 4+ ขึ้นไป แต่ถ้าอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ไม่ได้โดนแดดเลย อาจจะใช้ SPF ที่ต่ำลงมา สักประมาณ 15 – 30 ซึ่งการทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพก็ขึ้นกับวิธีทาด้วย คือ เราต้องทาให้หนาพอสมควร เช่น ใบหน้า แนะนำให้ทา 2 รอบ คือ ทาหนึ่งรอบแล้วรอให้ครีมซึมเข้าผิวก่อน และทาทับอีกหนึ่งรอบในปริมาณน้อยลง

          ซึ่งถ้าจะให้ได้ประสิทธิภาพในการกันแดดเกือบ 100% เท่ากับที่เขียนไว้บนฉลาก จะต้องทาหนาประมาณ 2 มิลลิกรัม/ผิว 1 ตร.ซม. ซึ่งในชีวิตจริง การจะทาได้เท่านั้น ต้องทาครีมกันแดดค่อนข้างหนา ซึ่งทำได้ค่อนข้างยาก เพราะอาจทำให้บางคนหน้าขาววอก หรือเหนียวเกินไป หมอจึงแนะนำให้ใช้วิธีทา 2 รอบทับกัน แต่ก็ไม่สามารถบอกไม่ได้แน่ชัดว่า 100% และที่สำคัญถ้ามีเหงื่อออก หรือโดนน้ำจะต้องทาทับใหม่

          “การทาครีมกันแดดไม่ใช่ว่าตัวแรก SPF 15 ตัวที่สอง SPF 50 เอามาทาผสมกันแล้วจะกลายเป็น SPF 65 อันนี้เป็นความเข้าใจผิด ถ้าทา 15 แล้วทา 50 ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะได้สูงสุดแค่ 50”

แนะนำการดูค่า UVA ในครีมกันแดด

          ค่า UVA แต่แบรนด์อาจจะเขียนไม่เหมือนกัน บางแบรนด์จะเขียนค่าเป็นเครื่องหมายบวกธรรมดา ซึ่งเราควรเลือกที่เป็นเครื่องหมายบวก 3+ หรือ 4+ หรือบางยี่ห้อจะเขียนเป็น PA และมีเครื่องหมายบวกตาม ควรจะเลือกที่พิมพ์ PA+++ หรือ PA++++ หรือถ้าบางยี่ห้อจะเป็น UVA และวงกลมรอบ UVA

Very Water Resistant กับ Water Resistant ต่างกันอย่างไร

          ส่วนใหญ่ Very Water Resistant จะกันแดดได้ประมาณ 80 นาที และ Water Resistant ส่วนใหญ่จะกันแดดได้ประมาณ 40 นาที หลังลงน้ำ ส่วนครีมกันแดดที่ไม่ได้ระบุว่ากันน้ำนั้น ถ้าไม่มีเหงื่อ หน้าไม่มัน ก็จะอยู่ได้นาน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่านานกี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับค่าที่บอกว่ากันแดดของแต่ละแบรนด์

หากไม่ป้องกันหรือหลีกเลี่ยง จะส่งผลอย่างไร?

          ในระยะสั้น ทำให้มีผิวไหม้แดด คือ คนไข้จะมีอาการแสบแดด สีผิวคล้ำขึ้น นอกจากนี้ แสงแดดอาจจะกระตุ้นบางอย่างให้เห่อขึ้นได้ ไม่ว่าเป็น ผื่นแพ้แดด หรือว่าในคนที่เป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง (SLE) ถ้าคนไข้กลุ่มนี้โดนแดด อาการก็จะกำเริบขึ้น ในระยะยาว ถ้าโดนแดดนาน ๆ จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ และเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนังได้

          อันตรายจากแสงแดด เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ แม้ว่าอันตรายจะไม่ได้เห็นทันทีทันใด แต่เมื่อเราโดนแสงแดดไปนาน ๆ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังก็จะสะสม และมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การใช้ครีมกันแดดก็เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันแสงแดด นอกจากนั้น ถ้าไม่ชอบใช้ครีมกันแดด เราก็สามารถป้องกันแดดได้โดยวิธีอื่น อย่างเช่น ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว หรือกางร่ม ก็ช่วยได้เหมือนกัน