Loading...

ธรรมศาสตร์ จัดงานรำลึก 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานครบรอบ 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519 รำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และไว้อาลัยต่อวีรชนผู้สูญเสีย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2562

  

          มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จัดงาน “ครบรอบ 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519” เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562  เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และไว้อาลัยต่อวีรชนผู้สูญเสีย โดยมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษา ญาติวีรชน ผู้แทนองค์กรทางการเมืองและองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชน

          รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า แม้เหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 จะผ่านมาแล้ว 43 ปี แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลาย ๆ ระดับ ซึ่งธรรมศาสตร์ได้ตระหนักดีถึงความสำคัญและยอมรับความจริงในบาดแผลทางประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์ ที่จะนำไปสู่การสรุปบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต

          “เราจะร่วมกันจดจำรำลึก สืบทอดวัฒนธรรม คุณความดีและจิตวิญญาณของผู้วายชนม์เหล่านี้ไว้ ร่วมกันแปรความสูญเสีย ความโศกเศร้าให้เป็นพลังสร้างสรรค์ และร่วมกันจุดความสว่างไสวให้กับสังคมไทย ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต” รศ.เกศินี กล่าว

          นอกจากนี้ ยังมีปาฐกถารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยสรุปบทเรียนที่ได้รับตลอดระยะเวลา 43 ปี จากเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ซึ่งมีด้วยกัน 6 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ไม่มีใครอยากตาย แต่มีบางคนพร้อมเผชิญหน้ากับความตายเพื่อแลกกับอุดมการณ์ที่ตนใฝ่ฝัน 2) จงมีความสุขที่ได้ทำตามความฝัน แต่อย่ามีความสุขเพราะอยากให้ผู้คนยกย่องจดจำชื่อ 3) ฝันให้ยิ่งใหญ่แต่เดินไปทีละก้าว อย่าโบยตีตัวเองจนหม่นหมองในความทุกข์ ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีความสุข ทำตามความฝันไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ถ้าเหนื่อยก็พัก 4) ไม่ว่าอะไรจะพลิกผันความฝันก็ยังคงง่ายเหมือนเดิม คือเพื่อนร่วมสังคมอยู่ดีกินดี มีโอกาสในชีวิตเท่าเทียมกัน มีเสรีภาพในการแสดงความเห็น และเลือกผู้บริหารประเทศด้วยตัวของเราเอง 5) สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ต้องเปลี่ยนแปลง ณ จุดตัดของกาลเวลาหนึ่งที่ปัจจัยทุกอย่างพร้อม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น 6) พรุ่งนี้หรือชาติหน้าไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน วันนี้จึงควรอยู่อย่างมีสติและอยู่อย่างราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเพื่อวินาทีที่เราจะจากไปจะได้บอกกับตัวเองได้ว่าฉันได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝันแล้ว

          นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวไม่เคยลืมภาพในช่วงสายของวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และทุกครั้งที่ความทุกข์ ความเศร้าเข้ามาเกาะกุมจิตใจก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเมื่อนึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์และเพื่อนที่ทิ้งชีวิตสบาย ๆ ในเมืองหลวงสู่ป่าเขาและมีบางคนไม่ได้กลับมา ก็จะลุกขึ้นมาบอกกับตัวเองว่าหยุดซึมเศร้าแล้วก้าวต่อไป

          ด้าน นายคณธัช ดำรงชัยธรรม ตัวแทนองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ความสูญเสียในอดีตได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับประเทศชาติ และเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกลายเป็นข้ออ้างให้กลุ่มอำนาจสามารถยึดผลประโยชน์เข้าหาตน โดยอ้างความไร้เสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย โดยหารู้ไม่ว่าความเป็นธรรมในสังคมได้สูญหายไปพร้อมวีรชนเหล่านั้นแล้ว

          และยังมีการกล่าวสุนทรพจน์ 6 ตุลา โดย นายนิติศักดิ์ ปานปรุง ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันชักไม่แน่ใจว่าสังคมไทยได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมากน้อยเพียงใด ทุกวันนี้สังคมไทยยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยังคงมีการหล่อหลอมให้ฝั่งตรงข้ามกลายเป็นปีศาจร้ายของสังคม นับจากวันนี้ได้ล่วงเลยมาแล้ว 43 ปีเต็ม มีใครบางคน คนบางกลุ่ม ไม่ปรารถนาให้สังคมไทยจดจำเหตุการณ์ครั้งนั้น ทว่าเราทุกคนยืนยันว่าแม้ใครเขาอยากจะทำให้เราลืม เราไม่เคยลืมและจะไม่มีวันลืม

          สำหรับงาน “ครบรอบ 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519” เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 19 รูป ณ สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พิธีวางพวงมาลาและดอกไม้ ณ ประติมานุสรณ์ “6 ตุลาคม 2519” โดยผู้แทนองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก