Loading...

สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศใช้ข้อบังคับการนำเข้ายา วัคซีน เวชภัณฑ์ รับมือ COVID-19

 

สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์ เพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2564

     สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีมติโดยเอกฉันท์ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้ประกาศใช้ “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564” ซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัยได้ลงนามประกาศใช้ข้อบังคับดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564

     การตราข้อบังคับฉบับดังกล่าว เป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558 มาตรา 23 (2) (4) และมาตรา (14) (1) (4) และ (11) ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจสภามหาวิทยาลัยในการออกข้อบังคับเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนทั้งในและต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศในกิจการหรือภารกิจของมหาวิทยาลัยได้

     โดยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่องการป้องกัน การแก้ไขปัญหาและการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

     ดังนั้นสภามหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถเสนอต่ออธิการบดีซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามข้อบังคับนี้ ให้สามารถจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งที่ดำเนินการในประเทศและกับต่างประเทศได้

     การดำเนินการต่าง ๆ ตามที่ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฉบับนี้กำหนดให้สามารถกระทำได้ จะต้องเป็นไปเพื่อการป้องกันหรือบำบัดโรค การรักษาพยาบาล การควบคุมและฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับเป็นสำคัญ

     ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฉบับนี้ มีผลในวันถัดจากวันที่ลงนามประกาศใช้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 และมหาวิทยาลัยจะได้นำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้บุคคล และองค์กรที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป