‘ธรรมศาสตร์’ จับมือ ส.อ.ท. พัฒนากำลังคน-นวัตกรรม ต่อยอดศักยภาพ ‘อุตสาหกรรมไทย’ สู่ระดับสากล
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนากำลังคนและนวัตกรรม ต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากล
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ.2568

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัย (MOU) เพื่อพัฒนากำลังคนและนวัตกรรม ต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากล ผ่านกิจกรรมร่วมในหลายมิติ ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตร การวิจัย การฝึกอบรม รวมถึงการให้บริการทางวิชาการ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันดำเนินกิจกรรมที่ครอบคลุมไปด้วย อาทิ 1) การพัฒนาหลักสูตรด้านโภชนาการและนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ (Food for Longevity) โดยบูรณาการความรู้ร่วมกับคณาจารย์จากคณะสหเวชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะแพทยศาสตร์ เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพสูง ตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ

2) การฝึกงานและสหกิจศึกษาในรูปแบบ Problem-based Learning (PBL) ที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ลงมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสถานประกอบการ เรียนรู้การวิเคราะห์เชิงระบบ และการวางแผนกลยุทธ์ ภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมและคณาจารย์ 3) การวิจัยและพัฒนา (R&D) มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ตลอดจนนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่สอดรับกับแนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย คุณภาพ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
4) การฝึกอบรมและเสริมศักยภาพบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และ 5) การให้บริการวิชาการแก่สังคม ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ การจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการเข้ากับการปฏิบัติจริง ผ่านการออกแบบหลักสูตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ โดยหลักสูตรเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ โดยเฉพาะการฝึกงานและสหกิจศึกษาในรูปแบบ Problem-based Learning ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เผชิญปัญหาจริง คิด วิเคราะห์ และลงมือแก้ไขอย่างเป็นระบบ
“ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการสร้างหลักสูตรหรือโครงการวิจัยร่วม แต่คือการเปิดพื้นที่ให้ความรู้และนวัตกรรมจากโจทย์จริงของสังคมและอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ หรือการจัดการอย่างยั่งยืน ที่จะช่วยเสริมสร้างทั้งทักษะดิจิทัล ทักษะด้านสิ่งแวดล้อม และวิสัยทัศน์ผู้ประกอบการให้กับนักศึกษา และเชื่อว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการสร้างสรรค์งานวิจัยที่ใช้ได้จริง จะทำให้นักศึกษา คณาจารย์ และภาคธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน ไม่เพียงยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่สากล แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม คุณภาพชีวิต และความยั่งยืนในอนาคต” ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าว

คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญความท้าทายทั้งด้านการแข่งขัน เทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะแรงงาน จึงจำเป็นต้องปรับตัวสู่เทคโนโลยีใหม่ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และสร้างบุคลากรที่มีทักษะรอบด้าน ขณะเดียวกัน ไทยยังมีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและความหลากหลายทางชีวภาพที่ต่อยอดได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลาสติกชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ เคมีชีวภาพ ชีวเภสัชกรรม อาหารแห่งอนาคตและเครื่องสำอาง โดยคาดว่าตลาดของเทคโนโลยีเหล่านี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในปี 2573
“ดังนั้น ความร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. และมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะช่วยพัฒนาหลักสูตรและการฝึกอบรมที่ตรงกับความต้องการอุตสาหกรรมจริง สร้างบุคลากรคุณภาพและนวัตกรรมที่ต่อยอดได้ทั้งเชิงธุรกิจและสังคม อีกทั้งยังเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญในการยกระดับบุคลากรให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะที่จำเป็นผ่านหลักสูตร Reskill, Upskill และ New Skill สอดรับกับความต้องการของโลกในปัจจุบันและอนาคต” คุณเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย


