Loading...

‘ธรรมศาสตร์’ ร่วมจัดประชุมวิชาการนานาชาติด้านความมั่นคงอาหาร ‘ASEAN-ASSET 2023’

ครั้งแรกในเอเชีย! มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สวทช. ร่วมกับ QUB จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านความมั่นคงอาหาร ASEAN-ASSET 2023

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2566

     มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) Queen's University Belfast (QUB) สหราชอาณาจักร และศูนย์วิจัยนานาชาติด้านความมั่นคงทางอาหาร (UC-FOODSEC) เปิดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ "ASEAN-ASSET 2023: Global Summit on the Future of Future Food" ในธีม Global Protein Integrity เมื่อวันที่ 14 - 15 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างความตระหนักในเรื่องความมั่นคงของอาหารเพื่ออนาคต โดยมี คุณเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมด้วย รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้บริหาร สวทช. และ QUB ร่วมเปิดงาน

     คุณเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย รัฐบาลตระหนักถึงปัญหา ดังกล่าวและได้พยายามที่จะผลักดันให้เกิดความมั่นคงทางอาหารผ่านกลไกและมาตรการที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการอาหารแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร มีหน้าที่เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านคุณภาพอาหาร ความปลอดภัย ด้านอาหาร ความมั่นคงด้านอาหารและอาหารศึกษา รวมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุและระบบเตือนภัยด้านอาหารต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

     จนมาถึงปี พ.ศ. 2564 ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ โดยกระทรวง อว. เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อน BCG Model ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านการเกษตร เพิ่มปริมาณอาหารโปรตีนจากการนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ควบคุมเรื่องของการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste)

     “อาหารแห่งอนาคต (future food) ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อจำเป็นเร่งด่วนที่จะช่วยแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และ บพค. ยังส่งเสริมความร่วมมือกับทั้งภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานทั้งภายในและต่างประเทศผ่านแผนงานต่าง ๆ เช่นแผนงานย่อยพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติ (Global Partnership)” คุณเพิ่มสุข กล่าว

     รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ธรรมศาสตร์มุ่งผลิตบัณฑิตมหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต ที่มีความรู้ความสามารถทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติในทุกมิติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสริมประสบการณ์เรียนรู้ในหน่วยงานหรือโรงงานอุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ ให้แก่บัณฑิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรงในสาขาวิชาและมีความพร้อมทั้งความรู้และประสบการณ์ที่จะนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ

     รศ.เกศินี กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เข้าร่วมในโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลกเมื่อต้นปี พ.ศ. 2566 ผ่านการดำเนินงานของ UC-FOODSEC ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คาดหวังให้ การผนึกกำลังระหว่าง UC-FOODSEC บริษัทเมืองนวัตกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และภาคอุตสาหกรรมอาหารทั้งในและต่างประเทศ จะเป็นหนึ่งใน Game changer สำหรับการพัฒนากำลังคนขั้นสูงให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยมีความเป็นเลิศ และมีจุดยืนบนเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิต่อไป

     ด้าน ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. ได้พัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมที่หลากหลายครอบคลุมระบบอาหาร (sustainable food system) ทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาสายพันธุ์พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น อีกทั้งยังรับมือกับภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งทนทานต่อโรคและแมลง ขณะที่ด้านเกษตรสมัยใหม่ได้ส่งเสริมให้เกษตรนำ ดิจิทัลเข้ามาวางแผนระบบเกษตรในภาพรวม

     ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวเสริมว่า Queen's University Belfast สวทช. และ ม.ธรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันก่อตั้ง ศูนย์วิจัยนานาชาติด้านความมั่นคงทางอาหาร (International Joint Research Center on Food Security หรือ IJC-FOODSEC) ในปี พ.ศ. 2565 ที่ไบโอเทค สวทช. เพื่อช่วยผลิตงานวิจัยระดับโลกเพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคอาเซียน ที่ผ่านมานักวิจัยภายใต้ UC-FOODSEC มีงานวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตทางการเกษตรและทรัพยากรชีวภาพในประเทศและ ศึกษาด้านความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะในเรื่องสารพิษจากรา เพื่อยกระดับขีดความสามารถของ ผู้ประกอบการในประเทศไทย และอาเซียนให้มีศักยภาพในการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของการผลิตและการส่งออกอาหารในระดับโลก

     Prof. Dr. Christopher Elliott, OBE, Institute for Global Food Security, Queen's University Belfast เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยควีนส์ (Queen's University Belfast) สวทช. และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกันจัดงาน ASEAN-ASSET 2023: Global Summit on the Future of Future ถือเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติในการแลกเปลี่ยน อภิปรายและแสดงความคิดเห็น รวมถึงเผยแพร่ผลงานวิจัยครอบคลุมหัวข้อเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารที่ทวีความ รุนแรงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก เช่น วิธีการจัดหาอาหารกลุ่มโปรตีนทางเลือกผ่านการคิดเชิงนวัตกรรมการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยสนับสนุนการผลิตอาหารเพื่ออนาคต และความปลอดภัยของอาหารเพื่ออนาคตจากแหล่งต่าง ๆ

     ทั้งนี้ ที่ผ่านมางานประชุมนานาชาติ ASSET ซึ่งเป็นงานประชุมในสาขา Food Integrity ชั้นนำระดับโลกจัดโดย Institute for Global Food Security (IGFS), Queen's University Belfast จะจัดในทวีปยุโรปเท่านั้น แต่หลังจากที่ QUB มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สวทช. ได้ร่วมกันก่อตั้ง UC-FOODSEC ขึ้นที่ไบโอเทค สวทช. ในปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่งานประชุม ASEAN-ASSET จัดขึ้นในทวีปเอเชีย โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 400 คน และมีผู้นำเสนอผลงานมากถึงจำนวน 36 เรื่อง