Loading...

“ธรรมศาสตร์” จัดงานรำลึก “ครบรอบ 44 ปี 6 ตุลาฯ 2519”

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานรำลึกครบรอบ 44 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ประจำปี 2563 ผู้ช่วยอธิการฯ เผยเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ สะท้อนถึงความตื่นตัวทางการเมือง

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2563

  

          มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน “ครบรอบ 44 ปี 6 ตุลาฯ 2519” ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อร่วมกันรำลึกและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งไว้อาลัยวีรชนผู้สูญเสียในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ภายในงานมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ พิธีวางพวงมาลา-ดอกไม้ และยืนไว้อาลัยแด่เหล่าวีรชนผู้สูญเสีย พร้อมทั้งมอบรางวัล “จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย”

          นายบุญสม อัครธรรมกุล ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธาน กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นความต่อเนื่องของยุคสมัยที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของสังคมไทย และการขับเคลื่อนประชาธิปไตยของนิสิตนักศึกษาร่วมกับประชาชน และยังสะท้อนความตื่นตัวทางการเมืองในเชิงอุดมคติ ภายใต้คำขวัญของการจัดงานรำลึก 20 ปี 6 ตุลาฯ ที่ว่า “ขบวนการนักศึกษาประชาชนเดือนตุลากล้าต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีงาม”

          นางสาวพร้อมพร พันธุ์โชติ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การรำลึกในวันนี้เป็นสัญลักษณ์ที่ย้ำเตือนว่า เราต้องไม่พากงจักรความรุนแรงนั้นหวนกลับคืนมา การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เรายังต้องต่อสู้จนกว่าจะได้ซึ่งสิทธิ์ เสียง ในการกำหนดสังคมที่เราอยู่ และกำหนดกติกาที่เราอาศัย

          นางสาวลัลนา สุริโย ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า 44 ปีที่ผ่านไป เรารำลึก 6 ตุลาฯ กันหลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามลบให้เหตุการณ์นี้เลือนหายไปจากความทรงจำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าใด ภาพของวีรชนนักศึกษาที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยก็ได้ฝังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของชาวธรรมศาสตร์ทุกคนมาจนถึงปัจจุบัน โดยสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่รำลึก หากแต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราจะทำอย่างไรไม่ให้การเสียสละของวีรชนต้องสูญเปล่า จะทำอย่างไรที่จะขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ความเท่าเทียมและมีความเป็นประชาธิปไตย

          นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้นำนักศึกษา กล่าวปาฐกถารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยอธิบายความหมายของเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เกี่ยวข้องกับนักศึกษาทั่วประเทศและได้สร้างผลกระทบระดับประเทศ 2. นอกจากการสังหารโหดแล้ว วันเดียวกันยังมีการรัฐประหารล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ปิดฉากประชาธิปไตย ดึงประเทศถอยหลังกลับไปสู่ระบอบเผด็จการโดยนายทุน ขุนศึก ศักดินา นานถึง 12 ปี 3. เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ที่ไม่อาจแยกออกจากกัน

          สำหรับสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เนื่องจาก 14 ตุลาฯ ได้ทำให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส. พรรคการเมืองและรัฐสภามีบทบาท การบริหารไม่ได้อยู่ในมือข้าราชการฝ่ายเดียวอีกต่อไป ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงและเป็นเสียงที่ผู้มีอำนาจและระบบราชการต้องฟังด้วยความรำคาญและทนไม่ได้

          “การปลุกระดมให้เกิดความโกรธแค้นเกลียดชังจนถึงการเข่นฆ่านั้นมีการวางแผนและสั่งการอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การรัฐประหารในวันเดียวกัน โดยเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ถือเป็นกรณีต้นแบบของการกระทำความผิดร้ายแรงโดยไม่ต้องรับโทษ จนนำมาสู่อีกหลายเหตุการณ์ที่ตอกย้ำว่าสังคมไทยไม่มีหลักนิติธรรม” นายจาตุรนต์ กล่าว

          นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ให้บทเรียนสังคมไทยใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาแต่เพิ่มความขัดแย้งให้มากขึ้น 2. การใช้ความรุนแรงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบ การฆ่าคนเพื่อรักษาโครงสร้างและระบบให้คงอยู่ต่อไป 3. การแก้ปัญหาเกิดจากการใช้การเมืองระหว่างประเทศให้เป็นประโยชน์ การผ่อนคลายให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างกลับคืนและมีที่ยืนในสังคม

          ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันพบว่ามีจุดร่วมคือการเห็นปัญหาของบ้านเมือง มีความใฝ่ฝันอยากเห็นสังคมที่ดี ที่ผ่านมามีคำถามว่าใครหนุนหลังการเคลื่อนไหว สิ่งที่หนุนหลังคือวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง วิกฤตของระบบการศึกษา การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และความผันผวนของโลก เมื่อนักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้สภาพเหล่านี้ทำให้พวกเขาได้ข้อสรุปว่า ประเทศนี้ไม่มีอนาคต พวกเขาไม่มีอนาคต

          “เมื่อ 6 ตุลาฯ 19 นักศึกษาไม่ได้ทำผิด ไม่ได้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการปราบเข่นฆ่า ความรุนแรงมาจากฝ่ายชนชั้นนำทั้งสิ้น ดังนั้นต้องเตือนผู้มีอำนาจในปัจจุบันว่าอย่าสร้างความเกลียดชัง อย่างสร้างเงื่อนไขเพื่อจะได้ใช้ความรุนแรงต่อนักศึกษา ผมไม่เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้จะซ้ำรอย 6 ตุลาฯ แต่จะมีโอกาสจะพัฒนาไปใกล้เคียงกับเหตุการณ์อย่าง 14 ตุลาฯ หรือพฤษภา 35 และหากประชาชนพร้อมที่จะร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้นักเรียนนักศึกษาต้องต่อสู้ไปตามลำพัง การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอาจยิ่งใหญ่และยั่งยืนกว่าการเปลี่ยนแปลงใดใดในอดีต” นายจาตุรนต์ ระบุ