Loading...

‘กิติยาคาร’ อาคารแห่งความยุติธรรม แลนด์มาร์กแห่งใหม่เพื่อประชาชน

 

จากแนวคิดหลัก ความยั่งยืน และความยุติธรรม สู่การบูรณะจัดสร้าง “กิติยาคาร แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ.2563

  

          การเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมืองฟ้าอมรที่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับนักแสวงหา ขณะนี้กำลังสร้างปัญหาในมุมกลับต่อผู้อยู่อาศัย

          เมืองในอุดมคติ ทุกวันนี้ถูกแทนที่ด้วยสภาพความแออัด ถนนทุกสายแน่นขนัดไปด้วยการจราจรที่คับคั่ง ปัญหามลพิษ-ฝุ่นละออง ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตผู้คน ความเร่งรีบผลักไสให้ต้องแข่งขันและผู้ที่ชนะเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่รอดในเมืองศิวิไลซ์แห่งนี้ต่อไปได้

          ที่ผ่านมา นักวิชาการ นักพัฒนา รวมถึงนักสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ได้ออกมาประสานเสียงท้วงติงนโยบายแห่งรัฐ โดยเห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะ “ชะลอ” หรือ “หยุด” การเติบโตของกรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้ “เมืองส่วนขยาย” หรือพื้นที่ชานเมือง (Sub-Urban) รับหน้าที่นี้แทน

          แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนบนของ กทม. ที่พรั่งพร้อมด้วยโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ระบบขนส่งมวลชน และยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่มีทรัพยากรทั้งในแง่องค์ความรู้ นักวิชาการ ตลอดจนพื้นที่ที่กว้างขวาง

          “เรามั่นใจว่า เรามีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับกิจกรรมขนาดใหญ่ของคนจากพื้นที่ภาคกลางตอนบน ทั้งปทุมธานี อยุธยา สระบุรี ฯลฯ ได้ ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของกรุงเทพฯ ชั้นในได้” รศ.เกศินี  วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุ

          กิจกรรมขนาดใหญ่ในที่นี้ หมายถึงการจัดมหกรรมการประชุม นิทรรศการขนาดยักษ์ คอนเสิร์ตหรือ อีเวนต์ระดับประเทศ เทียบเท่าสเกลงานที่จัดในเมืองทองธานี

          จุดชี้ขาดที่ทำให้ธรรมศาสตร์มีศักยภาพในการรองรับคนจากภาคกลางตอนบน ส่วนสำคัญเป็นเพราะได้บูรณะจัดสร้าง กิติยาคาร อาคารแห่งใหม่ที่ได้รับพระราชทานชื่อจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          สำหรับอาคารแห่งนี้ จัดสร้างขึ้นจาก 2 แนวคิดหลักคือ “ความยั่งยืน” และ “ความยุติธรรม” ซึ่งไม่อาจแยกขาดจากกันได้ ดั่งพระราชดำรัสของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ตอนหนึ่งว่า

          “เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายของความยั่งยืนได้อย่างไร หากความไม่เท่าเทียมกันยังคงสร้างความขัดแย้งในสังคม และในขณะที่ยังมีประชากรอีกมากที่ยังถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงความยุติธรรม

          ภายในอาคารประกอบด้วยหอประชุมใหญ่ ขนาดความจุ 3,500 ที่นั่ง ห้องประชุมขนาดกลาง ห้องสัมมนาขนาดเล็ก และยังเชื่อมต่อกับ “อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี” ที่มีทั้งลานขนาดใหญ่ Concert Hall  ห้องสมุดประชาชน Co-working Space พื้นที่ Urban Farming ฯลฯ

          นอกจากฟังก์ชันที่หลากหลายแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดของอาคารแห่งนี้ก็คือการจัดแสดงนิทรรศการถาวร ธรรมประภา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทรงงานด้านความยุติธรรม การช่วยเหลือผู้ต้องหาให้เข้าถึงหลักนิติธรรม (Rule of Law) การพัฒนาคุณภาพชีวิตของอดีตผู้ต้องขังหญิง โครงการกำลังใจเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม

          “ข้าพเจ้าอยากสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสหรือพลั้งพลาด สามารถทำได้ตั้งแต่จุดใกล้ตัวที่สุดคือตัวเรา ซึ่งเป็นผู้ให้หรือผู้ที่จะช่วยเหลือ สร้างกำลังใจให้ผู้อื่น ตามพระราชดำรัสฯ เนื่องในวาระ 8 ปี กับการทรงงานช่วยเหลือและลดผู้ต้องขังหญิง

          มากไปกว่านั้น หากย้อนกลับไปในปี 2554 ท่ามกลางวิกฤตการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ กิติยาคาร ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาคารยิมเนเซียม 2 ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเสมอหน้าโดยไม่เลือกปฏิบัติมาแล้ว ด้วยการเป็น “ศูนย์พักพิงชั่วคราว” บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยมากกว่า 1,500 ชีวิต

          “กิติยาคารจึงมีความเป็นมา มีสายสัมพันธ์ผูกโยงอย่างเป็นเนื้อเดียวกับประชาชน เป็นอาคารที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเสมอหน้า เท่าเทียม ซึ่งตรงตามหลักการทรงงานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ” รศ.เกศินี ระบุ

          รศ.เกศินี บอกอีกว่า ธรรมศาสตร์มีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาพื้นที่ ด้านหนึ่งเราตั้งใจจะสร้างเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ จ.ปทุมธานี - นวนคร เพื่อเป็นต้นแบบของประเทศไทย อีกด้านหนึ่งเราเต็มใจที่จะใช้พื้นที่ของเราบรรเทาปัญหาของ กทม. เพื่อรับใช้สังคมในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง