Loading...

อธิการบดี ธรรมศาสตร์ ชี้ ปี 2561/2562 คือ ปีแห่งการวางรากฐานการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรม

“ธรรมศาสตร์ เร่งเครื่องยุทธศาสตร์การวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรม ตั้งเป้าปี 2561/2562  สามารถวางรากฐานพัฒนาและเพิ่มพูนทักษะด้านการวิจัยให้คณาจารย์และบุคคลากรเพื่อก้าวสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยชั้นนำระดับสากล”

 

 

สารจากอธิการบดี

ปีแห่งการตีพิมพ์และสร้างสรรค์นวัตกรรม

          เครื่องมือชี้วัดสำคัญที่ใช้วัดคุณภาพของมหาวิทยาลัยทั่วโลกก็คืองานวิจัย ที่สำคัญงานวิจัยนั้นมีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการโดยเฉพาะที่อยู่ในฐานข้อมูลระดับสากล เช่น Institute for Scientific Information (ISI) หรือ Scopus และคุณภาพงานวิจัยนี่เองที่จะบ่งบอกถึงคุณภาพของการเรียนการสอนทางอ้อม ในระดับอุดมศึกษานั้นมหาวิทยาลัยยิ่งมีงานวิจัยมากก็เท่ากับว่าจะมีองค์ความรู้ใหม่ในการนำไปพัฒนาการเรียนการสอน

          ในปัจจุบันที่ประเทศเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยก็จำเป็นต้องพัฒนางานวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นฐานรากในการต่อยอดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะเห็นได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ต่างมีจำนวนบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลระดับสากลอยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศไทยหลายเท่าและมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีผลงานวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลระดับสากลมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุก ๆ ปีเช่นกัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในกลุ่มมหาวิทยาลัยวิจัยของประเทศ

          ในปี 2561 และ 2562 นี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เน้นให้เป็น “ปีแห่งการตีพิมพ์และสร้างสรรค์นวัตกรรม” โดยกองบริหารการวิจัยได้ปรับปรุงข้อบังคับและงบประมาณสนับสนุนด้านการพัฒนางานวิจัยและรางวัลผลงานตีพิมพ์ที่เข้มข้นขึ้น เน้นการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในฐานข้อมูลระดับสากล การให้ทุนสนับสนุนการวิจัยในระบบ fast track การสนับสนุนการแปลบทความเป็นภาษาอังกฤษเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำระดับสากล และการสร้างสรรค์งานวิจัยที่สามารถต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ โดยมีกิจกรรมเสวนาเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญตลอดทั้งปี เพื่อเป็นแรงกระตุ้นและสนับสนุนให้มีการตีพิมพ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เพิ่มมากขึ้นและยกระดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยให้ทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับเอเชียและนานาชาติต่อไป